คุมเข้มด่านสะพานหนองคาย หลังคนร้ายต่างชาติปล้นเงินลูกค้าแบงก์ในลาว

352

ตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย คุมเข้มด่านสะพานมิตรภาพไทย – ลาว หลังเกิดเหตุคนร้ายต่างชาติบุกปล้นเงินจากลูกค้าที่เพิ่งเข้าไปถอนเงินในธนาคารอินโดไชน่า นครหลวงเวียงจันทน์ สูญล้านบาทเศษ หวั่นคนร้ายลักลอบหลบหนีเข้าประเทศไทย

เมื่อเวลา 11.30 น. วันนี้ (29 ก.ย.) พ.ต.อ.พัลลภ สุริยกุล ณ อยุธยา ผกก.ตม.หนองคาย พร้อมเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองหนองคายที่ปฏิบัติหน้าที่บริเวณด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 1 อ.เมืองหนองคาย ได้ตรวจสอบบุคคลที่เดินทางจากประเทศลาวเข้ามาในประเทศไทย หลังจากได้เกิดเหตุคนร้ายเป็นชายชาวต่างชาติลักษณะคล้ายแขกขาว 3 คน บุกปล้นเงินจากผู้ที่มาถอนเงินของธนาคารอินโดไชน่า นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว โดยเจ้าหน้าที่ได้นำภาพคนร้ายทั้ง 3 คน มาติดตามตู้ปฏิบัติงานตรวจคนเข้าเมือง ให้เจ้าหน้าที่ได้สังเกตเห็นอย่างชัดเจน

ซึ่งตรวจสอบแล้วทั้ง 3 คนมีการเดินทางโดยเครื่องบินจากต่างประเทศมายังสนามบินวัดไต นครหลวงเวียงจันทน์ ก่อนจะมาก่อเหตุ คนร้ายมีจุดสังเกตหนึ่งใน 3 มีรอยสักเป็นลวดลายกราฟฟิกที่แขนซ้าย และขา สูงประมาณ 170 ซม.

นางจันทร์สมร บุนประเสิด หญิงชาวลาวที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย กล่าวว่า เหตุการณ์นี้กำลังเป็นที่ตื่นตระหนกของคนลาว เนื่องจากไม่เคยเกิดเหตุอุกอาจเช่นนี้กลางวันแสก ๆ มาก่อน และสังคมออนไลน์ของลาวก็ได้มีการแชร์ภาพจากกล้องวงจรปิดที่จับภาพคนร้ายขณะก่อเหตุ

พร้อมทั้งข่าวรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ว่า เวลาประมาณ 14.30 น. วันที่ 28 ก.ย.ที่ผ่านมา ธนาคารอินโดไชน่า หนองบอน นครหลวงเวียงจันทน์ มีชายชาวต่างชาติอายุประมาณ 30 ปี 3 คน ทำงานเป็นทีมโดยมีการแบ่งหน้าที่กันทำ คนแรกคอยสังเกตดูว่าภายในธนาคารมีใครที่ถอนเงินออกมาคราวละมาก ๆ บ้าง เมื่อพบบุคคลเป้าหมายก็ส่งสัญญาณให้เพื่อนอีก 2 คนที่รออยู่ด้านหน้าธนาคารทราบ

จากนั้นเมื่อลูกค้าเจ้าของเงินเดินกลับไปยังรถยนต์ของตัวเอง ซึ่งมีคนขับรถรออยู่ คนร้ายคนที่ 2 ก็แอบเจาะยางรถยนต์แล้วบอกพนักงานขับรถว่ารถถูกเจาะยาง ชวนคุยดึงความสนใจเจ้าของรถไปที่อื่นจนคนขับรถและเจ้าของเงินเดินลงมาดูยางรถยนต์ที่ถูกเจาะ แล้วคนร้ายคนที่ 3 ก็จะฉวยโอกาสหยิบเอาเงินที่เจ้าของเพิ่งถอนออกมา คนร้ายทั้งสามก็พากันรีบวิ่งขึ้นรถกระบะฟอร์ด สีขาว ทะเบียน กจ 3716 กำแพงนคร หลบหนีไป

เมื่อเจ้าของเงินรู้ตัวก็สูญเงินจำนวน 35,661 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,069,830 บาทไปแล้ว อีกทั้งเมื่อคนร้ายหลบหนีตามเส้นทางถนน มีพลเมืองดีพยายามขับรถไล่ติดตาม แต่ปรากฏว่าคนร้ายใช้อาวุธปืนอาก้าชูขึ้นมาข่มขู่ แต่ไม่ได้ยิง ทำให้ไม่มีใครกล้าขับรถติดตามต่อ

ขณะนี้ทางการลาวกำลังเร่งติดตามคนร้ายกลุ่มนี้อยู่ และจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ารถกระบะที่ใช้ก่อเหตุนั้นเป็นรถเช่าจากบริษัทแห่งหนึ่ง(บริษัทเอเชีย บ้านเชียงยืน) ในนครหลวงเวียงจันทน์

ขณะที่ พ.ต.อ.พัลลภ สุริยกุล ณ อยุธยา ผกก.ตม.หนองคาย กล่าวว่า การที่หนองคายมีพื้นที่ติดกับนครหลวงเวียงจันทน์ จึงต้องเพิ่มความระมัดระวัง เกรงว่าคนร้ายจะลักลอบหลบหนีคดีเข้ามาในพื้นที่ประเทศไทย ระยะนี้ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เพิ่มความเข้มงวดตรวจสอบบบุคคลโดยเฉพาะชาวต่างชาติให้มากขึ้น