คำชะโนด เมืองพญานาคศักดิ์สิทธิ์

1510

คำชะโนดเป็นชื่อที่หลายคนอาจรู้จักจากภาพยนตร์เรื่องผีจ้างหนังที่เคยเข้าฉายมาก่อนหน้านี้ เรื่องราวของคำชะโนดนั้นเต็มไปด้วยความลี้ลับ ชาวบ้านที่ทำมาหากินในละแวกนั้นมักได้พบสิ่งลี้ลับอยู่เสมอ เช่น เห็นชาวเมืองชะโนด ไปเที่ยวงานบุญบ้าง เห็นผู้หญิงไปยืมเครื่องมือทอผ้าจากชาวบ้านบ้าง หรือบางครั้งชาวเมืองชะโนดจัดงานบุญประจำปี และว่าจ้างเอาภาพยนตร์เข้าไปฉายที่กลางเมืองชะโนดก็เคยมี เป็นที่กล่าวขานกัน จนหน่วยฉายหนังเร่เมืองอุดรหวาดผวาไปตามๆ กัน
คำชะโนดหรือวังนาคินทร์คำชะโนดแห่งนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่มีตำนานเกี่ยวพันกับพญานาคและเรื่องลี้ลับที่ผู้คนต่างมาเยี่ยมเยือน คำชะโนดตั้งอยู่กลางทุ่งที่มีน้ำล้อมรอบดูคล้ายเกาะลอยน้ำและทั่วทั้งพื้นดินกว่า 20 ไร่นั้นยังมีต้นชะโนดสูงใหญ่ให้ความร่มรื่นอีกด้วยโดยมีความเชื่อกันว่าคำชะโนด คือ รอยต่อระหว่างภพมนุษย์กับภพบาดาลที่นี่เมื่อถึงหน้าฝนรอบๆเกาะน้ำจะท่วมทุกปีแต่คำชะโนดไม่เคยมีน้ำท่วมเนื่องจากมีศาลบูชาพญานาค 2 ท่าน โดยนาคบริวารช่วยกันร่ายมนตร์หนุนแผ่นดินเป็นเหตุให้สูงพ้นน้ำ

ตามรอยความลี้ลับที่ป่าคำชะโนด
ป่าคำชะโนดขึ้นชื่อว่าเป็นป่าที่มีเรื่องราวความลี้ลับมากมาย โดยตำนานของป่าคำชะโนดนั้นเล่ากันว่า มีพญานาคอยู่สองตนได้ปกครองเมืองหนองกระแส โดยครึ่งหนึ่งเป็นของ สุทโธนาค (พญาศรีสุทโธ) ส่วนอีกครึ่งหนึ่งเป็นของ สุวรรณนาค ทั้งสองปกครองเมืองอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข แต่มีข้อตกลงกันอยู่ว่า ถ้าเมื่อฝ่ายใดออกไปล่าสัตว์หาอาหาร อีกฝ่ายหนึ่งจะต้องไม่ไป เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดการกระทบกระทั่งกันและเมื่อฝ่ายที่ออกไปล่าสัตว์หาอาหารมาได้นั้น ให้นำมาแบ่งกันอย่างละครึ่ง
เมื่อคราวสุวรรณนาคได้ออกไปล่าสัตว์หาอาหารได้เนื้อช้างมา จึงนำเนื้อช้างที่ได้แบ่งให้สุทโธนาค พร้อมทั้งนำขนของช้างไปยืนยันว่าเป็นเนื้อช้างจริง อีกครั้งที่สุวรรณนาคออกไปล่าสัตว์หาอาหารอีก ครั้งนี้ได้เม่นมาเป็นอาหาร จึงได้นำเนื้อเม่น และขนของเม่นไปมอบให้แก่สุทโธนาคเหมือนเช่นเคยแต่สุทโธนาคกลับแสดงความไม่พอใจ เพราะเมื่อดูจากขนของเม่นที่มีขนาดใหญ่กว่าขนของช้าง ปริมาณเนื้อที่ได้ก็ควรมีมากกว่าเนื้อของช้าง แต่ปริมาณเนื้อนั้นกลับมีน้อยกว่ามากนัก จึงคิดว่าสุวรรณนาคไม่มีความซื่อสัตย์ ฝ่ายสุวรรณนาคพยายามอธิบายอย่างไรก็ไม่เป็นผล จึงเกิดสงครามระหว่างสุทโธนาค และสุวรรณนาคขึ้น เมื่อพระอินทร์ได้ทราบเรื่อง จึงหาวิธีการที่จะทำให้พญานาคทั้งสองนั้นหยุดทำสงครามกัน โดยให้พญานาคทั้งสองสร้างแม่น้ำขึ้นคนละสาย ถ้าใครสร้างได้ถึงทะเลก่อนจะให้ปลาบึกขึ้นอยู่ในแม่น้ำนั้น เมื่อได้ยินเช่นนั้น สุทโธนาคก็ได้สร้างแม่น้ำมุ่งไปทางทิศตะวันออกของหนองกระแส และด้วยความที่สุทโธนาคมีนิสัยใจร้อน เมื่อพบเจอภูเขากั้นทางแม่น้ำก็จะทำการหลบหลีก โค้งไปโค้งมา จึงเกิดเป็น แม่น้ำโขง (โค้ง) ส่วนทางฝ่ายสุวรรณนาคนั้น ได้ทำการสร้างแม่น้ำขึ้นทางทิศใต้ของหนองกระแส สุวรรณนาคมีความละเอียด และใจเย็น แม่น้ำที่สร้างขึ้นจึงมีความตรงกว่าแม่น้ำทุกสาย ได้แก่ แม่น้ำน่าน สุทโธนาคเป็นผู้ที่สร้างแม่น้ำได้เสร็จก่อน จึงมีปลาบึกขึ้นอยู่ในแม่น้ำโขงเพียงแห่งเดียว และเมื่อเป็นเช่นนั้น สุทโธนาคก็ได้ขอทางขึ้น-ลง ระหว่างเมืองบาดาล กับเมืองมนุษย์ไว้อีก 3 แห่ง หนึ่งในนั้นก็คือ คำชะโนด ซึ่งมีต้นชะโนดขึ้นเป็นสัญลักษณ์ ให้สุทโธนาคพร้อมบริวารสามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ (พญาศรีสุทโธ) และตั้งบ้านเมืองปกครองอยู่ที่คำชะโนดได้เมื่อข้างขึ้น 15 วัน อีก 15 วันข้างแรม ให้กลายเป็นนาค อาศัยอยู่เมืองบาดาล (พญานาคราชศรีสุทโธ)

สำหรับใครที่อยากจะเข้าป่าคำชะโนดไปพิสูจน์ตำนานความอัศจรรย์พันลึกมีข้อแนะนำว่าระหว่างเข้าป่าให้สำรวจกิริยาวาจาและต้องปฏิบัติตามข้อห้ามอื่นๆ อย่างเคร่งครัด เช่น ห้ามใส่รองเท้าทั่วทั้งบริเวณป่า ห้ามนำหมวก แว่นตา ร่ม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ ไปเด็ดขาด เพราะสิ่งเหล่านี้คือการดูถูกดูหมิ่นต่อผู้ปกปักรักษาผืนดินถ้าไปเล่นพิเรนท์แล้วไม่ได้กลับออกมาก็โทษตัวเองได้เลย

ปล่องพญานาค…บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งคำชะโนด
นอกจากไปเที่ยวท่องยังป่าคำชะโนดอันลี้ลับ ยังมีอีกแหล่งที่ควรค่าไปสักการะนั่นก็คือ บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ หรือที่เรียกกันว่า ปล่องพญานาค เป็นบ่อน้ำธรรมชาติที่ชาวบ้านเชื่อถือกันว่าเป็นแหล่งที่อยู่ของพญานาคใต้บาดาล บางคนได้ลองอธิษฐานให้น้ำภายในบ่อเปลี่ยนสีเป็นสีต่างๆ ก็ปรากฏว่า น้ำภายในบ่อแห่งนี้สามารถเปลี่ยนสีเป็นสีเหลือง สีแดง ได้ตามอธิษฐานจริงๆ อีกความมหัศจรรย์หนึ่งคือ จากบ่อน้ำแห่งนี้ยังมีอีก คือระดับน้ำในสระนั้นสามารถขึ้นลงได้เช่นเดียวกันกับระดับน้ำในแม่น้ำโขง ประการต่อมาคือยามที่มีบั้งไฟพญานาคบางครั้งก็จะมีลูกไฟลอยขึ้นมาจากสระน้ำแห่งนี้เช่นเดียวกัน สร้างความประหลาดใจกับชาวบ้านมานักต่อนักแล้ว อีกประการหนึ่งคือที่สระน้ำแห่งนี้จะมีฟองอากาศผุดขึ้นมาคล้ายว่า มีสิ่งมีชีวิตบางอย่างหายใจอยู่ใต้น้ำ ชาวบ้านเขาก็เชื่อว่าพญานาคท่านหายใจออกมา
ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ฉะนี้แลทำให้ผู้คนทุกชนชั้นนำน้ำภายในบ่อไปรักษาโรค ไปดื่ม ไปอาบ ไปบูชาไว้ภายในบ้านเพื่อความเป็นสิริมงคลของตนเองและครอบครัว บางรายก็นำน้ำภายในบ่อนี้ ไปรักษาอาการเจ็บป่วยของตนเองหรือของผู้อื่นก็ปรากฏเป็นอัศจรรย์ว่า สามารถหายจากอาการเจ็บป่วยที่เป็นอยู่ได้อย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งๆ ที่บางโรคนั้น แพทย์แผนปัจจุบันก็ไม่รับรักษาแล้ว หรือเป็นเรื้อรังมานานแม้รักษาเท่าใดอาการก็ไม่เคยทุเลาเมื่อได้ใช้น้ำจากบ่อแห่งนี้ปรากฏว่า โรคที่เรื้อรังมาแต่เดิมกลับสามารถหายได้อย่างไม่คาดฝัน