ความคืบหน้า กรณีมีตัวแทนผู้บริหารเทศบาลตำบลน้ำก่ำ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม นำโดย นายภิศักดิ์สัน เสโนฤทธิ์ อายุ 56 ปี ที่ปรึกษานายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลน้ำก่ำ พร้อมตัวแทนชาวบ้าน ในพื้นที่ออกมาร้องเรียนให้หน่วยงานเกี่ยวข้อง จัดระเบียบ ผู้ประกอบการดูดทราย ในพื้นที่ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ภายหลังมีการตรวจสอบ พบผู้ประกอบการเรือดูดทราย บางราย ฉวยโอกาสแสวงผลประโยชน์จากการนำทรัพยากรธรรมชาติ หินกรวด ทราย ในลำน้ำโขงไปขาย มีรายได้ผลประโยชน์มหาศาลปีละหลายล้านบาท แต่ไม่ปฏิบัติตามระเบียบข้อตกลงเกี่ยวกับกฎหมายดูแลควบคุมผู้ประกอบการท่าทราย ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ รวมถึงสร้างความเสียหายแก่รัฐ เนื่องจากพื้นที่เขต อ.ธาตุพนม จ.นครพนม เป็นพื้นที่การขออนุญาตดูดทราย แบบสัมปทาน นำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน
ซึ่งตามกฎหมายมีการกำหนดพื้นที่แนวเขต จุดที่สามารถเรือดูดทรายจะดำเนินการได้ แต่มีการตรวจสอบพบว่า บางรายฉวยโอกาสดูดทราย ใกล้ริมเขื่อนฝั่งไทย ถือว่า ผิดกฎหมาย และเป็นการหาช่องว่างฉวยโอกาสลดต้นทุนในการขนส่ง อีกทั้งต้องการให้มีการตรวจสอบ เกี่ยวกับปริมาณการนำเข้าว่ามีการเสียภาษีแก่รัฐ ถูกต้องหรือไม่ ล่าสุดทางด้าน สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขานครพนม ได้ประสานงานกับ หน่วยงานความมั่นคงระดับจังหวัด รวมถึง ศุลกากรนครพนม ฝ่ายปกครองอำเภอธาตุพนม เข้มงวดตรวจสอบ กำชับให้ผู้ประกออบการดูดหินทราย ต้องเดินเรือ ตามกฎหมายกำหนด และมีการขออนุญาตนำเข้าตามกฎหมายศุลกากร เท่านั้น และต้องเดินเรือตามระเบียบกรมเจ้าท่า หากพบกระทำผิด จะดำเนินคดีตามกฎหมายทันที โทษสูงสุดถึงขั้นเสนอถอนใบอนุญาต
ด้าน นายธานี ศิริพันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขานครพนม เปิดเผยว่า สำหรับสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขานครพนม รับผิดชอบ พื้นที่ 3 จังหวัด มี สกลนคร มุกดาหาร นครพนม อำนาจหน้าที่คือดูแลผู้ประกอบการเดินเรือ ปฏิบัติตาม พ.รบ.เดินเรือน่านน้ำไทย โดยเน้นในเรื่องปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับการเดินเรือ ควบคุมไม่ให้มีการกระทำผิดของผู้ประกอบการเดินเรือดูดหินทราย ซึ่งจะต้องเดินเรือตามกรอบการเดินเรือ ส่วนใหญ่การกระทำผิดจะเป็นเรื่องของใบอนุญาตการเดินเรือ คุณสมบัติคนขับเรือ รวมไปถึงคุณสมบัติในการขออนุญาตดูดหินทราย โดยจะมีการขออนุญาตควบคู่กับหน่วยงานความมั่นคง รวมถึงคณะกรรมการระดับจังหวัด ระดับอำเภอ ที่จะต้องดูแลร่วมกัน