วนอุทยานภูหอ เลย

452

เป็นภูเขายอดทรงรูปตัดคล้ายงอบของเกษตรกรและภูผาจิต ในอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว เป็นเพราะเกิดจากการโก่งตัวของเปลือกโลก ทำให้พื่้นดินทรุด เกิดหินโผล่ ทางขึ้นยอดภูมีแหล่งน้ำซับและจะต้องปีนป่ายหรือโหนเถาวัลย์ขึ้นไปยอดภู ซึ่งเป็นทุ่งหญ้ากว้าง ประมาณ 15 ไร่ ไม่สามารถพักค้างคืนได้เพราะลมแรงมีที่ทำการวนอุทยานฯ ตั้งอยู่ทางเข้าบริเวณบ้านหนองบัว ตำบลภูหอ อีกทั้งบริเวณนี้ยังมีแหล่งโบราณคดี ที่บริเวณโรงเรียนบ้านหนองบัว บ้านศรีอุบล ตำบลภูหอ อำเภอ ภูหลวง จังหวัดเลย เล่าขานกันว่าในอดีตยังมีเมืองนามว่า ขวางทะบุรี มีขุนบรมราชาปกครองเมืองโดยให้ประชาชนถือศีลในวันอุโบสถ ขึ้น8ค่ำ ขึ้น15ค่ำ บ้านเมืองสงบ สุขเรื่อยมา ตราบจนเจ้าผู้ครองคนถัดมา ที่ เมามัวและให้ประชาชนฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ เมามัวได้ตามจริต จนบ้าน เมืองเสื่อมทรามเป็นลำดับ พญาแถน เจ้าแห่งผี และ แผ่นฟ้า กริ้วโกรธ เป็น อย่างยิ่ง ส่ง ฝูงงูพิษจากฟ้าลง มาเข่น ฆ่าผู้คน จน ขวางทะบุรี กลายเป็นเมืองร้าง ต่อมามี สหาย 3 คน มีขันธกุมาร นายไม้ร้อยกอ และ นายเกวียนร้อยเล่ม เดินทางผจภัยมาจนถึงเมืองร้าง ขวางทะบุรี แห่งนี้ ตาม หา โดยรอบพระนครก็ หาพบผู้คนไม่ พบแต่กลองใบใหญ่ กลาง นครตีดูแล้ว ไม่มี เสียงดัง จึงใช้ มีดกรีดหน้ากลองออกจึงพบ นางกลองศรี พระธิดาเจ้าเมืององค์ ก่อน จึงเล่าให้ฟังถึงเหตุการณ์ทั้งหมด 3 หนุ่ม จึงคิดแก้ แค้น ให้ ประชากรใน เมือง จึงสุม ไฟ*เป็น ควันขึ้น ไป พระยาแถน จึงรู้ ว่ายังมีคนอยู่ ใน เมือง ขวางทะบุรี จึงส่งกองทัพงูพิษลง มา เข่น ฆ่าอีกรอบ 3หนุ่ม มีฝีมือ ยิ่ง ได้ ฆ่างูของพญาแถนตาย ไปเสียหมด หลังจาก นั้นเอง เกิด ฝน ตกหนัง พัด ซากงู ไปกองรวมกัน เรียก ภูเขาซากงู นั้น ว่า ภูโฮ้ง หรือ ภูหอ นั้นเอง ส่วนที่ที่ สุมไฟนั้น เรียก ดงพญาไฟ