หนุ่มสุรินทร์ ไลฟ์เฟสบุ๊ค ผูกคอดับ น้อยใจภรรยา

615

เจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยสว่างจรรยาธรรม จุด อ.ปราสาท ได้รับแจ้งเหตุจากทางสายด่วนหมายเลข191 ศูนย์วิทยุรับแจ้งเหตุสถานีตำรวจภูธรปราสาท อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ว่ามีชายไทยกำลังไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กตัดพ้อลาโลกขณะนำเชือกพยายามจะผูกคอตาย ให้นำเจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยออกไปตรวจสอบและค้นหาพิกัด

สถานที่เกิดเหตุภายห้องแถวบ้านพักพนักงานโรงงานสงวนฟอร์นิเจอร์ ไม่ทราบเลขที่ เขตพื้นที่ บ.คลองธรรม ต.กังแอน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ หลังจากรับแจ้งจึงได้ประสานไปทาง ร.ต.ท.วิรัตน์ ทองดีวงษ์ พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรปราสาท อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน พร้อมเจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยสว่างจรรยาธรรม จุด อ.ปราสาท รุดออกตรวจสอบและค้นหาสถานที่เกิดเหตุใช้เวลานานกว่า 30นาทีจึงพบพิกัดห้องพักดังกล่าว

พบว่าเป็นห้องพักพนักงานอยู่ภายในโรงงาน เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจและกู้ภัยมาถึงในที่เกิดเหตุจึงได้พังประตูเข้าไปก็พบว่าผู้ที่ไลฟ์สดผูกคอตายเสียชีวิตแล้วโดยห้องพักดังกล่าวเป็นห้องพักพนักงานโรงงานสงวนฟอร์นิเจอร์ พบว่าชายผู้ที่ไลน์สดดังกล่าวใช้สายเคเบิ้ลขึ้นไปผูกที่ขื่นกลางห้องพักแขวนคอเสียชีวิตไปแล้ว ทราบชื่อ นายวิเชียร อุปถัมภ์ อายุ 32 ปี บ้านเลขที่ 5 ม.3 ต.ทุ่งโป่ง อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น หลังจากนั้นจึงแจ้งเจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวนพร้อมชุดสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบเก็บหลักฐานภายในที่เกิดเหตุภายในห้องพักพบโทรศัพท์มือถือถูกว่างตั้งกล้องไลน์สดผ่านเฟสบุ๊คของผู้ตาย จากการสันนิษฐานคาดว่าผู้ตายเกิดอาการน้อยใจภรรยาและเครียดประกอบกับผู้ตายชอบดื่มสุราอยู่เป็นประจำ จากการสอบถามเพื่อนพนักงานที่อาศัยอยู่ข้างห้องติดกันเล่าว่าก่อนหน้านั้นผู้ตายได้มีปากเสียงทะเลาะกันกับภรรยาภายในห้องดังกล่าวสักพักหนึ่งทางฝ่ายภรรยาได้ขับรถจักรยานยนต์ออกจากห้องพักไปจากนั้นผู้ตายจึงได้ไลน์สดขณะกำลังพยายามใช้สายเคเบิ้ลขึ้นไปผูกและแขวนคอตัวเองเสียชีวิตและทางญาติผู้ตาย แต่ไม่ทันการ

ส่วนสาเหตุเบื้องต้น ร.ต.ท.วิรัตน์ ทองดีวงษ์ พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรปราสาท อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ได้ทำการเข้าตรวจสอบเก็บภาพและข้อมูลเพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเรียบร้อยแล้วหลังจากนั้นจะได้สั่งการให้หน่วยกู้ภัยสว่างจรรยาธรรม จุด อ.ปราสาท เคลื่อนย้ายร่างผู้เสียชีวิตนำส่งโรงพยาบาลปราสาท จ.สุรินทร์ เพื่อให้ทางแพทย์นิติเวชชันสูตรพลิกศพอย่างละเอียดอีกครั้งหลังจากนั้นจึงได้ประสานทางญาติพี่น้องผู้เสียชีวิตเพื่อนำหลักฐานเดินทางมาขอติดต่อรับร่างผู้ตายกลับภูมิลำเนาเพื่อไปบำเพ็ญกุศลและประกอบพิธีกรรมทางศาสนาต่อไป