ย้อนอดีต หนังไทย ความมืดมน ตำนาน ผี ปีศาจ วิปลาส part 1

2514

ตั้งแต่จำความได้ หนังที่ทำให้รู้สึกกลัวตั้งแต่เด็ก เรื่องแรกที่ดูเลย คือ มาห์ หนังสัตว์ประหลาด

ที่มีแนวคิดจากหนังเรื่อง Alien เพราะในยุคนั้น Alien ได้รับความนิยมอย่างสูง เรื่องราวเกี่ยวกับ คนกลุ่มนึงไปเที่ยวป่า แล้วเจอเอเลี่ยน การไล่ล่าก็เกิดขึ้น โทนหนังสีแดงดำ ติดตามาตลอด ถือว่าเป็นการเปิดโลกในการเสพหนังได้เป็นอย่างดีเลย ในยุคนั้น ช่วงประมาณปี 2520-2530 เป็นช่วงที่ประเทศไทย นิยมดูหนังกลางแปลง หนังส่วนใหญ่ที่นำมาฉายจะเป็นหนังจีน หนังแอคชั่นต่างๆ และที่ขาดไม่ได้คือ หนังผี หนังสายหลอนต่างๆ เวลาดูต้องเอาผ้าปิดตา แต่ก็ยังดูด้วยความสนุกตลอดเวลา ในปัจจุบัน ก็ยังเป็นเช่นนั้น วันนี้มาย้อนดูกันว่า มีหนังสายหลอน ของไทยเรื่องไหนกันบ้างที่คุณไม่ควรพลาดกันครับ

303 กลัว/กล้า/อาฆาต
เป็นภาพยนตร์ไทยแนวทริลเลอร์ สยองขวัญ ที่ออกฉายเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2541 โรงเรียนเซนต์จอร์จ เป็นโรงเรียนคาทอลิคที่มีกฎเข้มงวดมาก นักเรียนกลุ่มหนึ่งได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับกรณีการฆ่าตัวตายอย่างลึกลับ ของนักเรียนที่ได้รับเกียรตินิยมที่มีชื่ออยู่จารึกอยู่ในกรอบกลางห้องโถงของโรงเรียน นักเรียนกลุ่มหนึ่งด้วยความอยากรู้อยากเห็นจึงพยายามค้นหาความจริง โดยเริ่มจากเล่นผีถ้วยแก้ว ซึ่งมีน้ำแข็งซึ่งเป็นลูกสาวของครูร่วมเล่นด้วย แต่สุดท้ายนักเรียนก็ค่อย ๆ ตายไปทีละคน
ถ้าใจชอบหนังแนว I Know What You Did Last Summer น่าจะชอบเพราะรวมดาราดังของไทยไว้เยอะมากๆ

nwzurgmhnTxER4mEoC-oนางนาก
เป็นภาพยนตร์ไทยที่มีเค้าโครงเรื่องจากแม่นาคพระโขนง เป็นภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จทั้งในด้านรายได้และรางวัล
นรัชกาลที่ 4 เกิดสุริยคราสขึ้น ผู้คนแตกตื่น เหมือนกับเป็นเหตุบอกลางร้าย มาก (วินัย ไกรบุตร) ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารรบที่ชายแดน ปล่อยให้เมียสาวที่กำลังท้องแก่ชื่อ นาก (อินทิรา เจริญปุระ) อยู่เพียงคนเดียว นากต้องลำบากตรากตรำทำนาอยู่คนเดียวทั้ง ๆ ที่ท้องแก่ใกล้คลอด เมื่อเจ็บท้องใกล้คลอด มีลางร้ายนกแสกบินผ่านหลังคาบ้าน นากเสียชีวิตพร้อมลูกขณะคลอด แต่วิญญาณของนางยังคงไม่ไปไหน วนเวียนอยู่บริเวณบ้านและรอคอยการกลับมาของผัวรัก และเมื่อมากกลับมา ผู้คนพยายามบอกมากเกี่ยวกับเรื่องนากที่ตายไปแล้ว มากไม่เชื่อ นากเองก็อาละวาดหักคอผู้คนที่พยามยามบอกเรื่องนี้แก่มาก

จนในที่สุดมากก็รู้ความจริง เมื่อเห็นมือของนากที่ยาวลงมาเก็บมะนาวที่ใต้ถุนบ้าน มากตกใจวิ่งหนีหลบไปหลังใบหนาด และหนีเข้าไปในโบสถ์ ซึ่งพระและเณรก็สวดมนต์และเอาสายสิญจน์คล้องให้ แต่ผีนางนากก็ยังเข้ามาอาละวาดถึงในโบสถ์ได้ เรื่องจบลงที่สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสีได้ผ่านมาและได้สะกดวิญญาณนางนากให้สงบเพื่อให้ไปเกิดใหม่ และท่านได้เจาะกะโหลกศีรษะนางนากเพื่อเก็บไว้ทำปั้นเหน่งด้วย

อารมณ์ อาถรรพณ์ อาฆาต
เป็นภาพยนตร์แนวสยองขวัญ โดย สหมงคลฟิล์ม ออกฉายเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2545 ประกอบด้วย 3 เรื่องจาก 3 ประเทศ โดย 3 ผู้กำกับภาพยนตร์ ได้แก่ เกาหลี ไทย และฮ่องกง ได้แก่ คิม จี-วูน (ตอน Memories), นนทรีย์ นิมิบุตร (ตอน The Wheel) และ ปีเตอร์ โฮ-ซัน ชาน (ตอน Going Home) กับบริษัทภาพยนตร์ของคนรุ่นใหม่ B.O.M. Film Productions, Cinemasia และ Applause Pictures ภาพยนตร์ทำรายได้ในประเทศไทย 51.20 ล้านบาท

nwzvlzesw1YnYswmy1i-oบุปผาราตรี
เป็นภาพยนตร์ไทย แนวสยองขวัญ ตลก ความรัก ออกฉายเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2546
เจ๊สี่ เจ้าของกิจการอพาร์ทเมนท์ ที่มีธุรกิจเข้าทรงเป็นอาชีพเสริม พออยู่มาวันหนึ่ง อพาร์ทเมนท์ของเจ๊สี่เกิดมีผีสาวปรากฏกายขึ้น จนเป็นที่หวาดผวาต่อบรรดาผู้เช่าห้องพักทั้งหลาย ร้อนถึงเจ๊สี่ ที่ต้องตามหมอผีที่ว่าเก่งมากำจัด แต่ก็ยังโดนผีสาวเล่นงานจนเตลิดเปิดเปิง สร้างความหวาดผวาต่อผู้เช่าอพาร์เมนท์ที่เหลือเป็นอย่างยิ่ง เป็นผลให้กิจการห้องเช่าของเจ๊สี่ทำท่าจะไปไม่รอด

แต่แล้ววันหนึ่ง มีชายหนุ่มนิรนามเดินเข้ามาที่อพาร์ทเมนท์ และหายตัวเข้าไปในห้องผีสิงนั้นอย่างปริศนา นับจากวันนั้น ผีสาวก็ไม่ปรากฏกายให้เห็นอีก จนกระทั่งเวลาผ่านไปไม่นานนัก ผู้คนก็เริ่มได้ยินเสียงร้องโหยหวนของชายหนุ่มนิรนาม ดังออกมาจากห้องผีสิง ผู้เช่าที่เหลือพากันย้ายออกจนหมด เพราะทนกลัวผีต่อไปอีกไม่ไหว เจ๊สี่หมดทางเลือก จึงตัดสินใจโทรไปตามหมอผีเขมรที่เก่งที่สุด มาจัดการกับผีร้าย ก่อนที่กิจการอพาร์ทเมนท์ของเจ๊สี่จะไปไม่รอด

คน ผี ปีศาจ
อุ้ยเป็นหญิงสาววัยรุ่น บิดามารดาถูกฆ่าปิดปากตามนโยบายกวาดล้างยาเสพติดของพันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร หรือที่เรียกกันว่า “ฆ่าตัดตอน” เนื่องจากเห็นภาพบิดามารดาถูกสังหารต่อหน้าต่อตา อุ้ยจึงหวาดระแวงว่ามีคนติดตามมาฆ่าเธอซึ่งรอดชีวิตมาด้วยเสมอ ถึงขนาดที่เห็นภาพหลอนและต้องอาศัยยาระงับประสาทตลอดมา

เพราะหาที่พึ่งไม่ได้แล้ว อุ้ยจึงเดินทางเข้ากรุงเทพมหานครมาขออาศัยอยู่กับป้าบัวซึ่งเป็นเจ้าของโรงพิมพ์ ป้าบัวมีหลานชายคนหนึ่งชื่อ อาร์ม อายุน้อยกว่าอุ้ยไม่เท่าไร ป้าบัวนั้นสามีตาย บุตรชายทำหญิงตั้งครรภ์ เอาลูกมาฝากให้เลี้ยง แล้วก็หนีไป ป้าบัวเสียใจ ไปอาศัยกราบไหว้คนทรงเจ้าเข้าผีในศาสนาพราหมณ์คนหนึ่งซึ่งเปิดตำหนักอยู่ไม่ไกลเป็นที่พึ่งทางจิตใจ แล้วป้าบัวก็รับเป็นร่างทรงสืบต่อมา เมื่ออุ้ยมาอาศัยอยู่ด้วยแล้ว ป้าบัวก็ให้อุ้ยช่วยเลี้ยงดูอาร์ม

อาร์มนั้นมีพฤติกรรมประหลาด ไม่กล้าเข้าห้องน้ำ ไม่กล้ารับประทานอาหารจำพวกเครื่องในที่ป้าบัวทำให้ และมักอ้างว่า เห็นภูตผีปิศาจ โดยกล่าวว่า ที่โรงพิมพ์นี้มิใช่มีเพียงตน อุ้ย และป้าบัว สามคนเท่านั้น แต่ยังมีสิ่งชีวิตหนึ่งอาศัยอยู่ร่วมชายคาด้วย อยู่มาอุ้ยก็เริ่มสังเกตเห็นเหมือนอาร์มว่า เช่น มักมีเสียงประหลาดในยามค่ำคืน อาร์มจึงบอกว่า สิ่งมีชีวิตนั้นคือ สุดใจ พี่เลี้ยงซึ่งลาออกไปแล้ว แต่เขาไม่แน่ว่า บัดนี้ สุดใจเป็นคนหรือสิ่งใด

วันหนึ่ง ป้าบัวไปเป็นร่างทรง แต่ลืมไปว่า อาร์มกับอุ้ยอยู่ในโรงพิมพ์ ปิดประตูโรงพิมพ์ขังคนทั้งสองไว้ข้างใน ไม้ซึ่งเป็นลูกจ้างคนหนึ่งของโรงพิมพ์ผ่านมาเห็นเข้า จึงซื้อหาอาหารมาให้ ทันใดก็ได้ยินเสียงประหลาด ต่างคนจึงต่างหลบหนีเอาตัวรอด อุ้ยไม่แน่ใจว่า สิ่งที่กำลังเผชิญนั้นเป็นจริงหรือเป็นภาพหลอนดังที่มักเกิดแก่เธอ อาร์มจึงบอกว่า นั้นคือผีของสุดใจ ป้าบัวซึ่งกลับมาพอดีได้ทราบก็โกรธ ร้องว่า สุดใจถึงแก่ความตายไปแล้ว จะมีสุดใจที่ไหนอีก แล้วก็ท่องบนคาถาพราหมณ์เพื่อเชิญให้เจ้าเข้ามาประทับร่าง แล้วป้าบัวก็คว้ากริชออกไล่ล่าสิ่งที่เข้าใจว่าเป็นสุดใจอย่างบ้าคลั่ง ไม้ทุบหน้าต่างกระโจนหนีออกไปได้ แต่อุ้ยกับอาร์มติดอยู่ในห้องน้ำ ไม้จึงใช้ค้อนทุบกำแพงภายนอกซึ่งอยู่ติดกับห้องน้ำดังกล่าวออกเพื่อให้คนทั้งสองออกมาได้

ป้าบัวเห็นไม้ทุบกำแพงห้องน้ำก็ร้องห้ามและด่าว่าต่าง ๆ ทำให้อาร์มระลึกขึ้นได้ว่า ป้าบัวจ้างสุดใจมาเลี้ยงดูเขาในเวลาที่ป้าบัวต้องไปธุระนอกบ้าน แต่สุดใจนั้นมักใช้ความรุนแรงต่อเขา ต่อมา ป้าบัวกลับจากเป็นร่างทรงมาเห็นเข้าก็ตกใจ สั่งให้สุดใจหยุด สุดใจก็ยิ่งลงไม้ลงมือต่ออาร์ม ด้วยความรักหลาน ป้าบัวจึงคว้ากริชแทงสุดใจตาย และเพื่อทำลายศพ จึงชำแหละศพปรุงเป็นอาหารรับประทาน แล้วเอาศพที่เหลือทิ้งลงบ่อเกรอะใต้ห้องน้ำ เป็นเหตุให้ต่อมาอาร์มไม่กล้าบริโภคเครื่องในและไม่กล้าเข้าห้องน้ำ อย่างไรก็ดี แม้สุดใจจะสิ้นชีวิตแล้ว อาร์มยังรู้สึกได้ว่า สุดใจคอยตามทำร้ายรังควานเขาเช่นเดิม แต่จะหายไปเมื่อป้าบัวกลับมา

ในเวลานั้น ไม้พังห้องน้ำและช่วยอาร์มกับอุ้ยออกมาได้ อาร์มวิ่งออกไปขอความช่วยเหลือจากผู้คนภายนอก เจ้าพนักงานตำรวจมาตรวจสถานที่ แล้วถามปากคำอาร์ม อุ้ย และไม้ ทั้งสามเล่าเรื่องตรงกัน แต่เจ้าพนักงานตำรวจแจ้งอุ้ยว่า รูปคดีเป็นไปในทำนองว่า ไม้บุกรุกเข้าโรงพิมพ์ ส่วนป้าบัวนั้นประสบอุบัติทางรถยนต์ถึงแก่ความตายไปเมื่อเย็นวันก่อนแล้ว จึงไม่น่าเป็นไปได้ที่ป้าบัวจะกลับมาที่โรงพิมพ์ อุ้ยจึงเข้าใจว่า เพราะความรักหลาน ป้าบัวจึงต้องการกลับมาอยู่กับหลานเพื่อระงับผีสุดใจที่คอยตามรบกวานหลาน ขณะนั้น ไม้ซึ่งถูกกักตัวไว้ที่โรงพักกล่าวหยอกล้ออุ้ยขึ้นว่า เดี๋ยวนี้ไม่เห็นภาพหลอนอีกแล้วใช่ไหม อุ้ยจึงตีฝีปากกลับไปว่า ไม่เห็นผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างหลังนั้นหรือ แล้วก็ออกเดินไปเยี่ยมอาร์มที่พักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล

nwzw3leu5dgIntF22og-oชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ
ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ เป็นภาพยนตร์ไทยในปี 2547 กำกับโดย บรรจง ปิสัญธนะกูล และ ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ นำแสดงโดย อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม ณัฐฐาวีรนุช ทองมี และ อชิตะ วุฒินันท์สุระสิทธิ์ สามารถทำรายได้ในประเทศไทย 107.1 ล้านบาท ยังขายลิขสิทธิ์ได้ใน 30 ประเทศทั่วโลก สร้างรายได้ ฉายในสิงคโปร์ได้ 33 ล้าน ที่เกาหลีติดอันดับ 5 หนังทำเงิน ฉายที่บราซิล 4 สัปดาห์แรก ทำรายได้สูงถึง 100 ล้านบาท ชัตเตอร์ยังได้รับรางวัล Best Asian Film จากเทศกาล Fantasia Film Festi val 2005 ที่แวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา และรางวัลหนังแฟนตาซีที่ดีที่สุดในงาน Fantastic’s Arts Festival of Gerardmer ประเทศฝรั่งเศส

ภาพยนตร์ถูกซื้อลิขสิทธิ์ไปสร้างใหม่ในปี พ.ศ. 2550 กำกับโดย Masayuki Ochiai ผู้กำกับชาวญี่ปุ่น นำแสดงโดย ราเชล เทย์เลอร์ นักแสดงชาวออสเตรเลีย ซึ่งมีชื่อเสียงจากภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่อง Transformer มีกำหนดออกฉายในปี พ.ศ. 2551 นอกจากนี้ยังมีผู้สร้างภาพยนตร์บอลลีวูด นำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ภาษาทมิฬ ออกฉายในปี พ.ศ. 2550 ชื่อเรื่อง Sivi กำกับโดย K. R. Senthil Nathan ผู้กำกับชาวอินเดีย

ผีช่องแอร์ (ดูหนังเต็มได้ที่ ช่อง MrMonoFilm ลิขสิทธิ์ ถูกต้องครับ)
เป็นภาพยนตร์สยองขวัญกำกับโดยทิวา เมยไธสง

กลุ่มนักดนตรีวัยรุ่น ประกอบไปด้วย พิมพ์นักร้องนำ และเพื่อนร่วมวงดนตรีอีก 5 คน ได้เดินทางมาเล่นดนตรีและเข้าพักในโรงแรมแห่งนี้ ภายในห้องพักที่เหลืออยู่เพียงห้องเดียวเท่านั้น คือห้อง 409 ซึ่งเป็นห้องที่ “แสงดาว” หญิงขายบริการเบอร์หนึ่งของโรงแรมถูกฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยมสยดสยอง โดยการตัดคอและนำเอาหัวของแสงดาวมาทิ้งไว้ที่ช่องแอร์

หลังจากเกิดเรื่องราวต่างๆ ขึ้นกับสมาชิกในวง โดยเริ่มจาก บอยที่ถูกรถชนกระเด็นพุ่งทะลุผ่านกระจกตกลงตายอย่างสยดสยอง และกบ ที่เกิดความกลัวจนถึงสุดขีด หยิบปืนขึ้นยิงมั่วจนไม่สามารถขัดขืนแรงสะกดของแสงดาวที่หันปลายปืนเข้าหาตัวจนปืนลั่นกรอกปากตายคาที่ เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับสมาชิกทุกคน ก็มีแค่ พิมพ์และหนุ่ย เท่านั้นที่มีชีวิตที่เหลือรอด

พิมพ์นั่งเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับเธอและเพื่อนกลุ่มนักดนตรีให้กับตำรวจฟัง หลังจากที่เธอต้องเสียเพื่อนแต่ละคนไปจนเหลือแค่เธอกับหนุ่ย หนุ่ยต้องเข้าไปนอนในโลงศพทุกคืนเพื่อจะรักษาชีวิตไว้ได้ พิมพ์เล่าต่อว่า ปัจจุบันแสงดาวไม่มาปรากฏตัวให้เธอเห็นเลย อาจเป็นเพราะว่าเธอเป็นผู้หญิงเหมือนกันก็ได้ แล้วคำถามที่ว่า ใครฆ่าแสงดาว เธอก็ให้คำตอบว่า อาจเป็นผู้ชายคนใดคนหนึ่งที่ตายไปนานแล้วอย่างไม่มีคนดูแลและทุกข์ทรมานที่สุดก็เป็นได้ ตำรวจได้นำตัวพิมพ์ไปถ่ายรูปเก็บประวัติแต่เมื่อล้างรูปออกมาผู้หญิงที่อยู่ในรูปนั้นกลับกลายเป็นแสงดาว

รับน้องสยองขวัญ
เรื่องราวมีอยู่ว่า รุ่นพี่คณะนิเทศศาสตร์ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งพารุ่นน้องกว่า 30 ชีวิตไปรับน้องนอกสถานที่ รถประจำทางที่นำพาชีวิตนักศึกษาที่สดใสได้เดินทางมาถึงสะพานข้ามแม่น้ำกลางป่าลึกซึ่งเป็นสะพานไม้ผุพังไม่มั่นคง ขณะที่รถแล่นไปได้กลางสะพานเหตุการณ์ร้ายก็เกิดขึ้นสะพานไม้เกิดหักครืนลง รถดิ่งลงสู่แม่น้ำที่เชี่ยวกรากด้วยความสูงกว่า 50 เมตร นักศึกษาเกือบทั้งหมดต้องสังเวยชีวิตให้กับอุบัติเหตุครั้งนี้ มีเพียงส่วนหนึ่งที่รอดชีวิตมาได้ พวกเขาต้องเดินเท้าออกจากป่าลึกจนกระทั่งมาพบเมืองร้างกลางหุบเขาที่ไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่เลย สถานที่ลึกลับแห่งนี้เองที่พวกเขาได้เจอกับเหตุการณ์สยองขวัญ ซึ่งพรากชีวิตของเพื่อนๆ พวกเขาไปทีละคนอย่างโหดเหี้ยม ไม่มีใครบอกได้ว่าพวกเขาไปลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือเป็นฝีมือของใครที่จ้องทำลายชีวิตพวกเขา คนที่รอดชีวิตกลับมาเท่านั้นที่จะรู้ว่าที่แท้จริงสิ่งเหล่านี้คืออะไร

เด็กหอ
เป็นภาพยนตร์ไทย แนวสยองขวัญ เข้าฉาย เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549
ชาตรี เด็กชาย อายุ 12 เรียน ม.1 เป็นเด็กไร้ความหมาย ที่พ่อของเขาส่งไปเรียนที่สายชลวิทยา ที่จังหวัดชลบุรี อย่างฉุกละหุก ก็เพื่อที่ชาตรีจะได้พ้นไปจากบ้านไกลไปเสียจากพ่อ เพราะชาตรีรู้ความลับของพ่อทั้งหมด เพื่อนของชาตรีได้พูดคุยเรื่องผีในโรงเรียนและเรื่องครู ในตอนกลางคืนชาตรีรู้สึกปวดฉี่ขึ้นมา พอฉี่เสร็จชาตรีได้ยินเสียงอะไรบางอย่างเหมือนมันเคลื่อนที่ได้ แต่พอเข้าไปแล้วประตูก็เลยล็อก ชาตรีตกใจมากเลยอยากออกไป จนสักพักประตูก็เปิดได้ ชาตรีวิ่งหนีไปหอพักจนเขารู้สึกกลัวมาก

nwzxcwbfzrD60W1oHLo-oแล้วชาตรี ก็ได้พบกับ วิเชียร เพื่อนร่วมห้องที่ดูเหมือนจะรู้อะไร ๆ ในโรงเรียนไปเสียทุกอย่าง และแล้วมิตรภาพระหว่างเพื่อนทั้ง 2 ก็ก่อตัวขึ้น ก่อนที่พบว่าแท้ที่จริงแล้ว วิเชียร ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา ๆ แต่พอเวลาผ่านไป ดูเหมือนว่าชาตรีก็เริ่มผูกมิตรกับวิเชียรได้ เพราะว่าทั้งสองคนเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือ “ไม่มีใครเห็นว่ามีตัวตน” อย่างตอนที่ชาตรีคิดจะทำอะไรแผลง ๆ เพื่อถอดวิญญาณมาช่วยวิเชียร วิเชียรก็พูดว่า “สัญญากับฉันสิ ว่าจะไม่ทำอะไรบ้า ๆ เพื่อช่วยฉัน ชาตรี สัญญากับฉันสิ” ชาตรีไม่ตอบ กลับยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นจนถึงเวลา 6 โมงเย็น มันคือ เวลาตายของวิเชียร แต่วิเชียรต้องกลับไปที่สระว่ายน้ำนั้น เพื่อลิ้มรสความทรมานจากการจมน้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกวัน ชาตรีเจ็บปวดมากที่ได้เห็นวิเชียรทรมานแบบนั้น แต่ตัวเขากลับได้แต่ยืนมอง แตะต้องอะไรวิเชียรไม่ได้ จนในที่สุด ชาตรีก็ไปดมสารอีเทอร์ มากเกินขนาด จนในที่สุดวิญญาณก็หลุดออกจากร่าง แล้วชาตรีก็ไม่คิดจะเหลียวมองดูร่างของตนเองเลยแม้แต่น้อย เขาวิ่งไปทางสระว่ายน้ำนั้นโดยไม่สนใจอะไรอีกแล้ว และชาตรีก็ช่วยวิเชียรขึ้นมาจากสระจนได้ และต่อจากนั้นเอง ที่วิเชียรลาชาตรีไปเกิด แค่ลากันสั้น ๆ แต่สายตาสื่อความหมายว่าทั้งสองคนผูกพันกันมากมายเพียงใด

ผีอยากกลับมาเกิด
เป็นภาพยนตร์แนวระทึกขวัญสยองขวัญที่เล่าถึง ฉีสิน นักเขียนสาวที่ได้รับมอบหมายจากบรรณาธิการให้เปลี่ยนมา เขียนเรื่องสยองขวัญและเมื่อเธอเริ่มเขียนบทแรกนั้นเธอเริ่มสังเกตว่าเริ่มมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับชีวิตของเธอและเธอต้องประหลาดใจอีกครั้งเมื่อจู่ๆอดีตแฟนหนุ่ม ของเธอได้กลับเข้ามาในชีวิตของเธออีกครั้ง

nwzxfvesvLosfiPusL1-oเปนชู้กับผี
เป็นภาพยนตร์แนวสยองขวัญ ออกฉายในปี พ.ศ. 2549 ผลงานการกำกับภาพยนตร์เรื่องที่ 3 ของวิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง และเป็นผลงานเรื่องแรกซึ่งวิศิษฏ์ให้ผู้อื่นเป็นผู้เขียนบทภาพยนตร์ให้ นั่นคือ ก้องเกียรติ โขมศิริ หนึ่งใน “โรนินทีม” ซึ่งกำกับภาพยนตร์เรื่อง “ลองของ”
สยามประเทศ ปี พ.ศ. 2477 นวลจัน สาวตั้งครรภ์เดินทางเพื่อตามหาสามีที่หายตัวไปของเธอ เธอได้ขอเข้าพักอาศัยในคฤหาสน์ของแม่ม่าย ชื่อว่า รัญจวน นอกจากเธอแล้ว ผู้คนในคฤหาสน์ยังมีแม่บ้านใหญ่ซึ่งสวมชุดดำปิดคอตลอดเวลา เธอเป็นผู้คอยดูแลคฤหาสน์ชื่อ สมจิตและสาวใช้ชื่อ ช้อยซึ่งเป็นผู้ที่คอยช่วยเหลือนวลจัน ในไม่ช้า นวลจันก็ค้นพบว่าในคฤหาสน์มีเรื่องราวอันน่ากลัวซุกซ่อนอยู่ รวมถึงความไม่ชอบมาพากลของบรรดาผู้พักอาศัยในคฤหาสน์แห่งนี้

13 เกมสยอง

เป็นภาพยนตร์ไทยแนวระทึกขวัญ ที่ออกฉายเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2549
ภูชิต พึ่งนาทอง เซลล์แมนขายเครื่องดนตรี ที่กำลังถูกออกจากงานหลังจากที่ไม่สามารถทำรายได้ตามเป้าได้ อีกทั้งคนรักยังทิ้งไปหาคนใหม่ หนี้สินที่มีอยู่ก็มีอยู่และยังต้องส่งเสียน้องสาววัยเรียนและแม่ที่ต้องเลี้ยงดูเขาและน้องเพียงลำพังตั้งแต่เล็ก และแม้แต่รถยนต์ที่ขาดส่งไป 3 เดือนก็ยังถูกยึดไปต่อหน้าต่อตา และถึงตอนนั้นสิ่งที่ไม่คาดคิดคือ เขาเป็นคนที่ถูกเลือก

เมื่อโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เสียงลึกลับจากปลายสายดึงเขาเข้าสู่ “13 BELOVED” เกมท้าทายชีวิตที่มีโจทย์ 13 ข้อ ซึ่งให้เขาค้นหาคำตอบและเล่นโดยมีผลตอบแทนที่ดึงดูดใจ คือเมื่อผ่านโจทย์ในแต่ละข้อได้เงินสะสมก็พร้อมที่จะทวีคูณขึ้นไปเรื่อย ๆ จะถูกส่งเข้าบัญชีธนาคารที่เขาสามารถตรวจสอบได้ทันที และถ้าครบ 13 ข้อก็จะได้เงินสะสมถึง 100 ล้านบาท โดยมีเงื่อนไขที่ว่าเมื่อใดก็ตามที่เขาหยุดเล่นเงินสะสมทั้งหมดจะถูกยกเลิก หากบอกต่อให้คนอื่นรู้เกมถือว่าเป็นโมฆะ และหากพยายามติดต่อกลับหมายเลขดังกล่าวถือว่าเกมสิ้นสุด