ในโลกที่พัฒนาแล้วโรคจอประสาทตาเสื่อมเป็นสาเหตุที่ทำให้ตาบอด และยังไม่มีทางรักษา โดยความผิดปกติเกิดขึ้นที่ตรงกลางของเรตินา หรือจอประสาทตา (macular) เป็นสาเหตุให้สูญเสียการมองเห็นบริเวณส่วนกลาง
จอประสาทตาเสื่อมมี 2 ชนิด แบบแห้งและแบบเปียก คนที่เป็นโรคจอประสาทตาเสื่อมแบบแห้งพบมากที่สุดประมาณ 85-90% เกิดขึ้นเมื่อมีการสะสมของก้อนไขมันเล็ก ๆ ใต้จอประสาทตา ซึ่งทำให้สูญเสียการมองเห็นตรงบริเวณจุดกึ่งกลางของจอประสาทตา ส่วนจอประสาทตาเสื่อมแบบเปียก มีผลทำให้สูญเสียการมองเห็นรุนแรงมากกว่า สาเหตุเกิดจากเส้นเลือดใต้จอประสาทตาผิดปกติ มีเลือดและของเหลวไหลออกมา
“จอประสาทตาเสื่อมแบบแห้ง จะทำให้ความสามารถในการมองเห็นค่อย ๆ ลดลงจนมองอะไรไม่ชัดเจน โดยเฉพาะตรงกลางภาพ แต่ยังมองเห็นขอบด้านข้างของภาพได้อยู่” ดร.ซูซาน เบล็กนี่ย์ ที่ปรึกษาด้านการตรวจวัดสายตาแห่ง the Royal College Optometrists กล่าว “ขณะที่จอประสาทตาเสื่อมแบบเปียก จะมองเห็นภาพบิดเบี้ยวเวลามองดูเส้นตรง” หรืออาจมองเห็นเป็นวงสีเทาดำตรงกลางหรือเห็นเป็นแสงระยิบระยับ “การรักษาด้วยแสงเลเซอร์สามารถใช้ได้กับโรคจอประสาทตาเสื่อมแบบเปียกในการเชื่อมต่อเส้นเลือด” ดร.เบล็กนี่ย์บอก “แต่ต้องทำในช่วงที่ปรากฏอาการเท่านั้น”
สาเหตุ
สาเหตุที่แท้จริงยังไม่ทราบแน่ชัด แต่ส่วนใหญ่แล้วมักเกิดกับผู้หญิงผิวขาว ชาวตะวันตกที่มีอายุมากกว่า 60 ปีและมีตาสีฟ้า อีกสาเหตุหนึ่งน่าจะมาจากการที่ตาถูกรังสียูวีมากเกินไป การศึกษาเมื่อเร็ว ๆ นี้ยังสรุปด้วยว่าคนที่มีญาติใกล้ชิด (เช่น พ่อ แม่ หรือพี่น้อง) เป็นโรคจอประสาทตาเสื่อมแบบเปียกจะมีโอกาสเป็นโรคนี้มากขึ้นถึง 3 เท่า
ป้องกันได้อย่างไร
งดบุหรี่ คนสูบบุหรี่มีโอกาสเป็นโรคนี้มากกว่าคนไม่สูบ 2-3 เท่า
ทานเบต้าแคโรทีน “ผลการศึกษาพบว่าช่วยป้องกันความเสื่อมของจอประสาทตาได้” ซูซานนาห์ โอลิเวียร์ นักโภชนาการกล่าว “ดังนั้นควรรับประทานผักที่มีสีเขียวเข้มและสีส้มมาก ๆ บลูเบอร์รี่เป็นแหล่งแอนตี้ออกซิแดนท์ชั้นยอดที่ดีต่อสุขภาพดวงตา”
ตรวจสายตา โดยเฉพาะเมื่ออายุ 60 สำหรับโรคจอประสาทตาเสื่อม แบบแห้งเวลาเป็นแล้วมักไม่รู้ตัวหากไม่สังเกต เนื่องจากส่งผลกระทบกับตาเพียงแค่ข้างเดียว
วิธีปฏิบัติตน
เลิกบุหรี่ นอกจากแอนตี้ออกซิแดนท์ในอาหารแล้ว ผลการศึกษาเมื่อเร็ว ๆ นี้ในสหรัฐฯ ชี้ว่าการรับประทานวิตามินเอ ซี อี และสังกะสีมาก ๆ ช่วยลดชะลอความเสื่อมของจอประสาทตา
คนที่เป็นโรคจอประสาทตาเสื่อมแบบแห้ง ควรหมั่นไปพบจักษุแพทย์เพื่อรับการตรวจ เพื่อป้องกันการพัฒนาไปสู่โรคจอประสาทตาแบบเปียก